อัพเดท(22 พค.63) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป สำหรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วไป ตามสถานที่ต่างๆ ต้องปฏิบัติตาม 5 มาตรการหลักอย่างเคร่งครัด เพื่อชีวิตปลอดภัย ห่างไกลจากโควิด-19
โดยมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
- จำกัดผู้เข้าชม รอบละ 20 คน
- ผู้เข้าชมสวมหน้ากากอนามัย
- วัดอุณหภูมิ รับเจลแอลกอออล์ ณ จุดคัดกรอง
- สแกน QR Code ก่อน / หลัง การเข้าใช้บริการ หากไม่สามารถสแกนให้กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียน
รอบการให้บริการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน
- รอบเช้า 9.00 – 9.30, 9.45 – 10.15, 10.30 – 11.00, 11.15 – 11.45
- รอบบ่าย 13.00 -13.30, 13.45 -14.15, 14.30 15.00, 15.15 – 15.45
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน แต่เดิมอาคารนี้เป็นที่ประทับของ พระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน ซึ่งเรียกว่า “หอคำ” อาคารนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2446 หลังคามุงด้วยไม้แป้นเกล็ด มีมุขด้านหน้า ในสมัยก่อนเมื่อเจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่อสัญกรรม บุตรหลานของเจ้าผู้ครองนครน่านจึงได้มอบหอคำหลังนี้ให้เป็นสมบัติของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นที่ทำการของศาลากลางของจังหวัดน่าน ต่อมาเมื่อการก่อสร้างอาคารศาลากลางจังหวัดน่านหลังใหม่เสร็จสิ้น ทางรัฐบาลจึงได้มอบให้กรมศิลปากรนำไปใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน และประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2528
โดยภายในได้จัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุต่างๆประวัติศาสตร์และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองภาคเหนือและชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ของ จ.น่าน และยังมีการจัดแสดง “งาช้างดำ” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของ จ.น่าน มาช้านาน ควรอย่างยิ่งที่จะได้เข้าไปชมและกราบสักการะเมื่อมาเยือน จ.น่าน เพราะเป็น “งาช้างดำ” ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก เท่าที่มีการค้นพบและบันทึกไว้ในปัจจุบัน
นอกจากจะได้เข้ามาชมศิลปะวัตถุโบราณที่หาชมได้ยากในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน อาทิเช่น งาช้างดำ, หีบพระธรรมไม้แกะสลัก ฝีมือช่างสกุลน่าน, ครุฑยุคนาค, ศิลาจารึกหลักที่ 64 อักษรสุโขทัย และ
ศิลาจารึกหลักที่ 74 อักษรธรรมล้านนา เป็นต้น อีกหนึ่งไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวมักนิยมมาหยุดถ่ายรูปคือ บริเวณ “อุโมงค์ลีลาวดี” และวัดที่เล็กที่สุดในโลกอย่าง “วัดน้อย”
